ชีวิตของคุณพ่อโกราโด ชิเชรี
ผู้ปลูกรากมูลนิธิดวงใจพ่อ |
|
โดย คุณพ่อเมาริซซิโอ อารีออลดี
ผู้สานต่องานของคุณพ่อโก ที่แม่สรวย |
|
|
คำว่า “จดจำ” กับ “ไม่ลืม” เป็น 2
คำในพระคัมภีร์ที่เราได้ยินได้ฟังบ่อยๆ เสมือนเป็นบทสร้อย
การจดจำสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อเรา
ไม่ลืมเลือนเพราะรากแห่งบาปของชาวอิสราเอล
คือการลืมสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำสำหรับพวกเขา ลืมกระแสเรียกของตน
ลืมว่าตนเป็นของผู้ใด ลืมหน้าที่ที่ได้รับมา
ลืมเป้าหมายสุดท้ายที่ให้ความหมายแก่หนทางของเรา
ในวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 คุณพ่อโกราโด ชิเชรี
ได้สิ้นชีวิตในโรงพยาบาลซานราฟาเอล ที่จังหวัดมิลาน ประเทศอิตาลี
ด้วยอายุเพียง 41 ปี
ท่านเป็นมิสชันนารีคณะปีเมคนแรกผู้ได้บรรลุถึงจุดหมายปลายทางที่ถาวร
แรงจูงใจที่ผลักดันให้มิสชันนารีคณะปีเมที่ทำงานในประเทศไทย
แปลและเรียบเรียงบันทึกต่างๆ ของท่านนั้น
มิใช่เพื่อยกย่องให้ท่านเป็นวีรบุรุษ ทว่าก่อนอื่นใดหมด
เป็นการตอบข้อเรียกร้องของพระคัมภีร์ เราอยากจดจำ
ไม่อยากลืมชีวิตที่สั้นแต่เข้มข้นของชายหนุ่มผู้นี้
เพราะแสดงให้เห็นถึงความบริบูรณ์แห่งกระแสเรียกธรรมทูต
ซึ่งเป็นกระแสเรียกเดียวกันกับเรา
|
|
|
เราปรารถนาจะระลึกด้วยความเรียบง่ายถึงเหตุการณ์ต่างๆ
ของชีวิตหนึ่งที่ได้อุทิศถวายเพื่อการประกาศพระวรสาร
เป็นสิ่งปกติสำหรับมนุษย์ที่จะพบทั้งความร้อนรนและเงาแห่งบาป
ช่วงชีวิตที่ส่องสว่างและความมืดมนสงสัย ชัยชนะและความพ่ายแพ้
ความชื่นชมยินดีและร่มเงาแห่งกางเขน แต่สิ่งที่สำคัญคือ ธรรมทูตหนุ่มผู้นี้ได้เจริญชีวิตในแต่ละมิตินั้นด้วยความเชื่อที่สามารถทำให้ทะเลสาบอันเหือดแห้งกลับมีความอุดมสมบูรณ์ได้
|
|
จดจำเพื่อพบความต่อเนื่องในเวลาที่ผ่านไปและในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น
จดจำเพื่อค้นพบความประเสริฐแห่งการประทับอยู่ของพระเจ้า
ในประวัติศาสตร์และประวัติชีวิตของแต่ละคน
จดจำเพื่อซื่อสัตย์ต่อรากเหง้าและเอกลักษณ์ของตน
จดจำเพื่อว่าสิ่งดีที่ได้ทำจะก่อให้เกิดสิ่งดีอื่นๆ ตามมา
จดจำเพื่อมิให้การทรงนำของพระจิตเจ้าในชีวิตของคุณพ่อโกราโดต้องถูกลืมไป
จดจำพระวาจาที่พระเจ้าได้ตรัสอาศัยการประทับอยู่ของพระองค์เพื่อจะสามารถดลใจ
นำงานแพร่ธรรม และกระแสเรียกของเราในวันนี้
จดจำด้วยจุดประสงค์เดียวคือเพื่อถวายสิริมงคลแด่พระเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งมหัศจรรย์
ทรงเปลี่ยนที่เหือดแห้งเป็นทะเลสาบ เปลี่ยนหินให้เป็นต้นธารน้ำ
และสามารถเนรมิตบุตรของอับราฮัมจากก้อนหินได้
จดจำและเล่าเรื่องดังเช่นที่คุณพ่อโกราโดได้ทำอาศัยจดหมาย บันทึกเหตุการณ์ บทความ
และข่าวสารต่างๆ
โดยทางเครื่องมือเหล่านี้แหละที่ท่านได้แบ่งปันความยินดีแห่งการเป็นธรรมทูตกับเพื่อนๆ
ของท่าน
ทว่ายังมีงานเขียนอื่นอีกที่มองเห็นได้น้อยกว่าแต่อาจลบเลือนได้ยากกว่าซึ่งท่านได้สลักไว้ในใจของผู้ที่ได้พบและรู้จักท่าน
ชีวิตทั้งครบของคุณพ่อโกราโดที่ได้มอบอุทิศแด่พระเจ้าและเพื่อนพี่น้องนั้น
จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 8
ช่วงที่บ่งบอกถึงระยะเวลาแห่งการเติบโตในชีวิตฝ่ายจิตและในงานแพร่ธรรมของท่านด้วย
กล่าวคือ
|
|
1. ช่วงรับการอบรมขั้นต้น (พ.ศ.
2514-2525)
เป็นช่วงเวลาแห่งการรับฟังพระวาจาของพระเจ้าผู้ทรงเรียกท่านเข้าสู่ชีวิตสงฆ์และธรรมทูต
ท่านได้เล่าว่ารู้สึกถึงการเรียกนี้ตั้งแต่อายุ 9 ปี
หลังจากได้ไปร่วมมิสซาวันอาทิตย์ ขณะเดินอยู่บนถนนข้างวัดที่มีร่มไม้ตามทาง
ท่านเกิดความมั่นใจอย่างชัดเจนถึงการเรียกของพระเจ้าให้เป็นพระสงฆ์ธรรมทูต
จึงได้ตอบ “ครับ” ในใจและไม่เคยย้อนกลับมาคิดใหม่อีกเลย
กระแสเรียกธรรมทูตและความมั่นใจว่าพระทรงรักและเรียกท่าน
ได้กลายเป็นโครงการที่ชัดเจนและแน่นอนสำหรับชีวิตของท่าน
สิ่งนี้ได้แสดงออกมาอย่างดีโดยทางบทสดุดีตอนหนึ่งที่ท่านได้เลือกสำหรับพิมพ์ในบัตรที่ระลึกมิสซาแรกของท่าน
“พระเจ้าคือศิลาแห่งดวงใจข้าฯ”
ท่าทีฝ่ายจิตของคุณพ่อโกราโดในช่วงเวลาแรกนี้จะสามารถสรุปได้โดยใช้ประโยคหนึ่งที่ท่านได้เขียนบ่อยๆ
ในจดหมายถึงคุณป้าว่า “ปล่อยให้พระเจ้าเข้าครอง” “ให้พระเจ้าเข้ามาในห้วงลึกแห่งตน”
|
|
2. ช่วงแห่งการเตรียมสู่งานแพร่ธรรม:
ด้วยการละจาก “ครอบครัว” เพื่อนๆ และบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน
เพื่อไปผจญภัยกับการเรียนภาษาอังกฤษ ที่กรุงลอนดอน
คุณพ่อโกราโดได้ตั้งใจเรียนอย่างจริงจังมาก
โดยปรารถนาจะย่นย่อระยะเวลาแห่งการเรียนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อไปถึงเส้นชัย “ประเทศไทย” ให้เร็วที่สุด (พ.ศ. 2529) |
|
3. เมื่อมาถึงประเทศไทย ช่วง 2 ปีแรก
ที่กรุงเทพฯ (เดือนตุลาคม พ.ศ. 2530 – เดือนมีนาคม พ.ศ. 2532)
เป็นเวลาแห่งการปรับตัว ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรม อาศัยการเรียนภาษาและวัฒนธรรมไทย
เป็นช่วงแห่งการเตรียมตัวที่ยากเย็นและประเสริฐยิ่งสำหรับผู้แพร่ธรรม
ในการเรียนรู้ที่จะรักชาติและชนชาตินั้นที่เขาถูกส่งไปเพื่อรู้จักและเข้าใจบุคคลเป้าหมายอย่างดีที่สุด
|
|
4. สนามงานแห่งแรก (เดือนมิถุนายน
พ.ศ.2532 – เดือนเมษายน พ.ศ.2533)
ท่านได้เริ่มงานโดยเป็นผู้ช่วยของคุณพ่อโจวันนี ซิมบัลดี ในศูนย์คาทอลิกอำเภอฝาง
จังหวัดเชียงใหม่ รับผิดชอบเด็กประจำของหอพัก เป็นช่วงแห่งการค้นพบ
สมรรถภาพด้านการวิเคราะห์ทำให้ท่านเข้าใจ สามารถแยกแยะปัญหาของชาวบ้านและเด็กๆ
เยาวชนชนเผ่าได้ ท่านไม่เคยยอมปรับตัวเข้ากับการยอมรับความจริงต่างๆ อย่างที่เห็น
แต่ต้องการเข้าใจและไปให้ลึกกว่านั้น |
|
5. สนามงานที่สอง เป็นช่วงเวลา 6
เดือนแห่งการปรับตัวและผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมชนเผ่า
(เดือนพฤษภาคม-เดือนธันวาคม พ.ศ. 2533)
ท่านได้อยู่ในหมู่บ้านกับชนเผ่ากลุ่มต่างๆ ที่หมู่บ้านห้วยไคร้ ตำบลวาวี
อำเภอแม่สรวย เชียงราย พยายามเรียนรู้ภาษาและประเพณีอาข่า ลาหู่ และลีซู |
|
6. พันธกิจที่แม่สรวย
เป็นช่วงของงานการประกาศพระวรสารอย่างเต็มตัวและเต็มเวลาในศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้า
ที่อำเภอแม่สรวย เชียงราย (เดือนธันวาคม พ.ศ. 2533 – เดือนกรกฎาคม พ.ศ.
2540) ท่านอุทิศตัวทั้งครบเพื่องานแพร่ธรรม
ช่วงเวลานี้โดดเด่นในน้ำใจอันยิ่งใหญ่ที่จะทำงานให้มากอย่างไม่ย่อท้อ
ท่านรู้สึกว่ามีเวลาน้อยจึงต้องการจะให้อย่างมากที่สุด
ปรารถนาจะมอบทั้งชีวิตเพื่อจุดเปลวไฟแห่งความเชื่อใน “คนของท่าน”
ไม่มีเวลาที่จะเสียสักนาทีเดียว ท่าน “ให้”
ด้วยชีวิตจนถึงวันนั้นที่ค้นพบว่ามีโรคร้าย
ที่สุดผู้ใหญ่จึงได้เสนอให้ท่านกลับไปรักษาตัวที่ประเทศอิตาลี |
|
7. ช่วงเวลาแห่งโรคร้าย
(เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2540 – เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2541)
การผ่าตัดและการพักฟื้นหลังการผ่าตัดเรียกร้องให้คุณพ่อโกราโดหยุดจากงานที่ทำอยู่
พระเจ้าทรงขอทั้งหมดและท่านได้ตอบสนองทั้งหมดเช่นกัน
โดยถวายทุกอณูความทุกข์ทรมานเพื่อชาวแม่สรวย “ของท่าน” โดยภาวนาว่า “ข้าแต่พระเจ้า
ลูกขอน้อมรับกางเขนนี้ แต่ขอโปรดอย่าลืมชาวแม่สรวยเลย พระเจ้าข้า!”
พระองค์ได้ทรงชำระและเตรียมท่านเข้าสู่การพบปะสุดท้าย
ทรงชำระเจตนารมณ์และกระแสเรียก “พระองค์ทรงให้ผมหยุด
และให้เข้าใจว่าผมต้องผ่านจากการทำสิ่งต่างๆ
เพื่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องไปสู่การสร้างความ “เป็น”
หนึ่งเดียวกับพระองค์และพี่น้องมากกว่า”
พระเจ้าทรงทำให้กิจการที่พระองค์ได้ทรงเริ่มต้นแล้วในผู้แพร่ธรรมเมื่อทรงเรียกเขานั้นสำเร็จไป
โดยโปรดให้เขากลับเป็นพระเยซูผู้ถูกตรึงอีกคนหนึ่ง
คุณพ่อโกราโดจึงได้น้อมรับและมอบถวายเพื่อชาวแม่สรวย
เพื่อสังฆมณฑลเชียงใหม่และเพื่อประเทศไทยที่รักของท่าน
พระเจ้าได้ทรงทำให้กิจการของพระองค์สมบูรณ์ไปในคุณพ่อโกราโดและทรงเตรียมท่านเข้าสู่การพบปะชั่วนิรันดรกับพระองค์
|
|
ตามปกติ เรามักจะเข้าใจคุณค่าของบุคคลหนึ่งเมื่อเขาได้จากเราไปแล้ว
เมื่อคิดไปแล้วหลายๆ คนคงจะทำประสบการณ์ดังกล่าวนี้หลังจากความตายของคุณพ่อโกราโด
เราเชื่อว่าการย้อนกลับสู่ความทรงจำ (รำลึกอดีต
!)
เป็นสิ่งจำเป็นเสมอเพื่อค้นพบเคล็ดลับแห่งสายใยที่เชื่อมโยงระหว่างปัจจุบันกับอนาคต
ในวันนี้เราสามารถค้นพบความต่อเนื่องของงานแพร่ธรรมในชีวิตของท่าน
เราสามารถเห็นรอยเท้าของคุณพ่อโกราโดซึ่งจารึกอยู่บนหนทางแห่งงานแพร่ธรรมที่ได้รับการส่องสว่างจากพระจิตของพระเยซูเจ้า
การติดตามรอยเท้าของท่านจะให้ความมั่นใจว่างานแพร่ธรรมยังคงดำเนินต่อไป
เพราะพระเจ้าไม่ทรงหยุดที่จะรักโลกนี้
การติดตามร่องรอยเหล่านี้จะสร้างจิตสำนึกแก่เราว่า
งานแพร่ธรรมจะต้องดำเนินต่อไปโดยทางเราแต่ละคน เหตุว่า แม่สรวย ประเทศไทย และโลก
ต้องการความรักของพระเจ้า
นี่คือสิ่งที่เราขอมอบเป็นพรแด่ผู้อ่านทุกท่าน แด่มิสชันนารีคณะปีเมทุกคน
แด่บรรดาเพื่อนๆ และผู้ร่วมงานที่แม่สรวย แด่สังฆมณฑลเชียงใหม่
และพระศาสนจักรไทยทั้งครบ |
|
|
|
คำนำ จากหนังสือ “ดวงใจพ่อ”
จัดพิมพ์โดยศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้า แม่สรวย เมื่อ พฤษภาคม ค.ศ. 2007
|
|
|
|