คุณพ่อเมาริซซิโอ อารีออลดี
ผู้สานต่อและก่อตั้งมูลนิธิดวงใจพ่อ |
|
|
คุณพ่อเมาริซซิโอ อารีออลดี
เป็นพระสงฆ์คาทอลิกอยู่ในครอบครัวของ คณะปีเม เช่นเดียวกับคุณพ่อโกราโด
ชิเชรี
ท่านได้สานต่อเจตนารมณ์ของคุณพ่อโกราโดในการดำเนินงานที่ศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้า
อำเภอแม่สรวย เชียงราย ประเทศไทย
และได้เป็นผู้ริเริ่มให้มีการจดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิดวงใจพ่อ” ขึ้น
เพื่อสานต่องานด้านการศึกษาและพัฒนาสังคม
ที่คุณพ่อโกราโดได้เริ่มต้นไว้ที่แม่สรวยนี้ ตั้งแต่ปี
พ.ศ.2533ให้มีความยั่งยืนและมีความชัดเจนตามกฎหมายของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน
คุณพ่อเมาริซซิโอ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2505/ค.ศ. 1962
ที่จังหวัดแบร์กาโม ประเทศอิตาลี
ได้เลือกดำเนินชีวิตเป็นพระสงฆ์ในศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก
โดยได้รับศีลบรรพชาเพื่องานแพร่ธรรม ในปี พ.ศ. 2531/ค.ศ. 1988
ท่านได้เดินทางเข้ามาเป็นมิสชันนารีในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.
2537/ค.ศ. 1994 และได้เริ่มมาร่วมงานกับคุณพ่อโกราโด
โดยอยู่ประจำที่ศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้า แม่สรวย ตั้งแต่เดือนธันวาคม
พ.ศ. 2539/ค.ศ. 1996 จากนั้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2540/ค.ศ.
1997 คุณพ่อเมาริซซิโอ
ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รับชอบดูแลคริสตชนคาทอลิกในเขตแม่สรวย
สังฆมณฑลเชียงใหม่ และเป็นอธิการศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้า
แม่สรวยอย่างเป็นทางการสืบต่อจากคุณพ่อโกราโด
และได้ดำรงตำแหน่งจนถึงวันที่ 31 เมษายน พ.ศ. 2553/ค.ศ. 2010
|
|
|
ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปี
ที่คุณพ่อเมาริซซิโอใช้ชีวิตอยู่กับพี่น้องที่แม่สรวยนี้ ท่านได้สานต่อ
ปรับปรุงพัฒนา และริเริ่มกิจการรูปแบบใหม่ๆ
ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในขณะนั้น
เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกับที่คุณพ่อโกราโดได้วางรากฐานไว้ คือเพื่ออยู่
และเดินเคียงข้างพี่น้อง
ในหนทางแห่งชีวิตที่พวกเขาต้องฝ่ากระแสคลื่นลมพายุของสังคมวัตถุนิยม
ที่พร้อมจะฉุดลากชีวิตและจิตวิญญาณของพวกเขา ภายใต้โฉมหน้าต่างๆ อาทิ ยาเสพติด เงิน
ความเป็นปัจเจก หรือการแก่งแย่งภายใต้รูปแบบการปกครองท้องถิ่นแบบใหม่ๆ เป็นต้น
ดังนั้น ความพยายามที่จะให้พี่น้องที่ท่านร่วมชีวิตอยู่ด้วยนี้
ได้มีแสงสว่างแห่งชีวิตเป็นหลักยึดเหนี่ยวในสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้
จึงเป็นสิ่งที่ท่านทุ่มเทและใช้ความพยายามอย่างมากในการศึกษา ลงมือปฏิบัติ
และไตร่ตรองเพื่อพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น |
|
ในท่ามกลางความพยายามดังกล่าวที่ต้องดำเนินไปคู่กันระหว่างการปลูกรากความเชื่อในศาสนาเพื่อให้เป็นหลักยึดเหนี่ยวในชีวิต
กับการให้ความช่วยเหลือสำหรับชีวิตปัจจุบันที่เดือดร้อนหรือประสบปัญหา
คุณพ่อเมาริซซิโอได้ตระหนักถึงความจริงอย่างหนึ่งว่า
จำเป็นต้องแยกแยะให้พี่น้องเหล่านี้เห็นชัดเจนถึงความแตกต่างระหว่าง “การรับความช่วยเหลือ”
ด้านต่างๆ สำหรับการดำเนินชีวิตภายนอก อาทิ การศึกษาของบุตร
การสงเคราะห์เรื่องปากท้องหรือสุขภาพอนามัย หรือการพัฒนาชุมชน กับ “การรับความเชื่อ”
อันเป็นแก่นแท้และเป็นหลักยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิต เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนว่า
อยากได้ความช่วยเหลือจึงมารับความเชื่อ
หรือสนใจรับความเชื่อเพราะอยากได้ความช่วยเหลือภายนอก
อันเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ค่อยออกนักในช่วงอดีตที่ผ่านมา |
|
นอกเหนือจากการให้พี่น้องที่คุณพ่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมด้วยตระหนักเช่นนี้แล้ว
การให้บุคคลภายนอกรวมถึงข้าราชการได้ตระหนักเช่นเดียวกันว่า
กิจการด้านสงเคราะห์และพัฒนาต่างๆ ที่ทางศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้าทำอยู่นี้
ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อดึงดูดคนเข้าศาสนา
หากแต่เป็นกิจการแห่งความรักต่อเพื่อนพี่น้องที่สะท้อนออกมาจากการคำสอนของศาสนา
และในทางตรงกันข้ามเพื่อให้ความรักนี้สมบูรณ์
จำเป็นต้องให้พี่น้องเหล่านี้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี
อันจะสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง
หลายครั้งในทางรูปธรรมจึงต้องสอนให้พวกเขาออกทุนออกแรงด้วยตัวเอง
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อันเป็นการสวนทางกับระบบอุปถัมภ์ที่พวกเขาคุ้นชิน |
|
โดยความตระหนักเช่นนี้
ส่งผลให้คุณพ่อเมาริซซิโอให้ความสนใจที่จะแยกภาพกิจการต่างๆ
ที่ศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้าทำอยู่ในขณะนั้น ซึ่งมีทั้งกิจการด้านศาสนา
และกิจการด้านสงเคราะห์และพัฒนารวมอยู่ด้วยกัน ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ท่านยังตระหนักดีตามจิตตารมณ์ของหมู่คณะของท่านว่า
พวกท่านเป็นเพียงเครื่องมือแห่งความรักของพระเป็นเจ้าในช่วงเวลาหนึ่งๆ เท่านั้น
แต่การวางรากฐานบนรูปแบบที่ชัดเจนโดยเฉพาะที่สอดคล้องต่อกฎหมายไทยแล้ว
จะมีส่วนช่วยให้กิจการต่างๆ
มีความยั่งยืนในการช่วยเหลือพี่น้องของท่านเหล่านี้ต่อไปได้ในระยะยาว |
|
ด้วยเหตุนี้
คุณพ่อเมาริซซิโอจึงใช้เวลาหลายปีร่วมกับนักกฎหมายของประเทศไทย
ศึกษาถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการดำเนินการให้กิจการด้านสงเคราะห์และพัฒนา
ที่ดำเนินอยู่ภายใต้ศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้านี้ มีสถานะที่ถูกต้องชัดเจนทางกฎหมาย
ดังนั้นความเป็นนิติบุคคลในรูปของ “มูลนิธิ”
จึงเป็นรูปแบบที่ลงตัวที่ท่านตัดสินใจดำเนินการ
จนกระทั่งได้รับการจดทะเบียนจัดตั้งเป็น “มูลนิธิดวงใจพ่อ”
ขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 |
|
นับแต่นั้นเป็นต้นมา กิจการด้านสงเคราะห์และพัฒนาต่างๆ
ของศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้า ก็ถูกโอนย้ายเข้ามาดำเนินงานภายใต้มูลนิธิดวงใจพ่อ
ขณะที่ศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้า
ได้ดำเนินกิจการเฉพาะเรื่องของศาสนาเพียงอย่างเดียวต่อไป
ตามการมองการณ์ล่วงหน้าของคุณพ่อเมาริซซิโอ
ก่อนที่ท่านจะย้ายกลับไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศอิตาลี ในเดือนพฤษภาคม 2553
โดยได้ส่งมอบความรับผิดชอบงานต่างๆ ในเขตแม่สรวยไว้ให้คุณพ่อราฟฟาแอล ปาเวซี
สานต่อจากท่านต่อไป |
|
|
|
______________________________ |
1 คณะปีเม (PIME : Pontifical Institute for
Foreign Missions) เป็นคณะพระสงฆ์คาทอลิกจากประเทศอิตาลี (ดูรายละเอียดใน “คณะปีเม
: ครอบครัวของคุณพ่อโกราโด”) |
|
2 พิธีกรรมการรับเจิมเพื่อถวายตัว
หรือบวชเป็นพระสงฆ์ตลอดชีวิตของคาทอลิก โดยจะถือพรหมจรรย์ ไม่มีครอบครัว
อุทิศตนรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้องตลอดชีวิต |
|
|
|